นโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัท นิวเคมบริดจ์ คอนซัลติ้ง จำกัด (บริษัท”) เป็นผู้พัฒนาและเจ้าของ website นี้ เมื่อท่านสมัครบัญชีใช้งานของบริษัท ผ่านช่องทางต่างๆ ของบริษัท ท่านจะถือว่าเป็น ผู้ใช้บริการของบริษัท (ผู้ใช้บริการ”) 

บริษัท รับประกันแก่ท่านว่า บริษัทให้ความสำคัญ และเคารพสิทธิของผู้ใช้บริการในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูล โดยบริษัท รับประกันจะเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างถูกต้องและโปร่งใสเท่าที่จําเป็นเพื่อการให้บริการ หรือการปฏิบัติพันธกิจต่าง ๆ ที่บริษัท อาจมีต่อท่านอย่างเต็มประสิทธิภาพเป็นหลัก พร้อมกันนี้บริษัท จะดำเนินการต่างๆ ให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด

 

จุดประสงค์ของนโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัท มีจุดประสงค์แจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เพื่อให้ท่านในฐานะผู้ใช้บริการของบริษัท (ผู้ใช้บริการ”) ทราบถึงความจำเป็น รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ที่บริษัทจำเป็นต้องดำเนินการ นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ มีผลใช้บังคับกับการให้บริการของบริษัทเท่านั้น ไม่มีผลใช้บังคับกับแอปพลิเคชั่นและบริการ หรือเว็บไซต์อื่นๆ ที่อาจมีการเชื่อมต่อซึ่งเป็นของบุคคลภายนอก ที่บริษัท ไม่มีอำนาจ ควบคุม

การยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้

เมื่อผู้ใช้บริการติดต่อมายังบริษัท เพื่อสอบถามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงช่องทางการติดต่อผ่านเว็บไซต์หรือผ่านช่องทางอื่น รวมถึงเมื่อผู้ใช้บริการทำธุรกรรมใด ๆ กับบริษัท บริษัทจะถือว่า ผู้ใช้บริการยอมรับและรับทราบเงื่อนไขการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ประกาศในนโยบายฉบับนี้ทั้งหมด และตราบที่ผู้ใช้บริการยังคงใช้บริการกับบริษัท อยู่ บริษัทจะถือว่าผู้ใช้บริการยอมรับนโยบายฉบับนี้และฉบับแก้ไขทั้งหมดเสมอ

 

การเปลี่ยนแปลงนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้บริษัท อาจปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลาเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง และให้สอดคล้องกับการให้บริการต่าง ๆ ของบริษัท ที่ให้แก่ผู้ใช้บริการ ทั้งนี้บริษัท จะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบถึงการเปลี่ยนแปลงด้วยการประกาศนโยบายฉบับปรับปรุงผ่านช่องทางการติดต่อต่าง ๆ ของบริษัท

 

นิยามและขอบเขต ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการประมวลผล

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการของบริษัท ให้รวมถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และ/หรือตัวแทนผู้ได้รับมอบหมาย หรือมอบอำนาจจากผู้ใช้บริการในการติดต่อประสานงานกับบริษัท หรือพนักงานอื่นใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้บริการของบริษัท โดยผู้ใช้บริการดังกล่าว

 

แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะประมวลผล

บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการจากแหล่งที่มา ดังนี้ 

(1) ได้รับโดยตรงจากผู้ใช้บริการ ที่ติดต่อหรือนำส่งมายังบริษัท ผ่านแต่ละช่องทางการติดต่อ หรือเอกสารธุรกรรมต่าง ๆ

 (2) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจได้รับจากข้อมูลสาธารณะ (Public Records) และที่ไม่ใช่สาธารณะ (Non-Public Records) ที่บริษัทสิทธิเก็บรวบรมได้ตามกฎหมาย หรือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจได้รับจากบุคคลอื่นที่อาจให้คำแนะนำมา ซึ่งในกรณีตังกล่าวบริษัท จะแจ้งให้ท่านทราบถึงแหล่งที่มาของข้อมูลดังกล่าว

ข้อมูลส่วนบุคลที่มีการประมวลผล

ในระหว่างการติตต่อสื่อสาร และประสานงาน ระหว่างบริษัท และผู้ใช้บริการ บริษัทจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

ข้อมูลการติดต่อ ได้แก่ ชื่อนามสกุล และข้อมูลการติดต่อของตัวแทนของผู้ใช้บริการนิติบุคคล (เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล สถานที่ติตต่อ) ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูล ที่ต้องใช้สำหรับการลงทะเบียนเป็นผู้ใช้บริการ 

ข้อมูลทางเทคนิค ที่ระบบของบริษัทอาจเก็บรวบรวมเกี่ยวกับการใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัท หรือใช้เพื่อเชื่อมต่อกับระบบของบริษัท ได้แก่ หมายเลขไอพี (IP Address) ประเภทของโปรแกรมบราวเซอร์ (Browser) ข้อมูล Username / Password และ Log-in Logs 

ข้อมูลการชำระเงิน อาทิ รายละเอียดการชำระเงิน บัตรเครดิต และบัญชีธนาคาร

ข้อมูลการใช้บริการอาทิ ชื่อบัญชีผู้ใช้ รหัสผ่าน ประวัติการทำธุรกรรมต่างๆ ที่ผู้ใช้บริการดำเนินการ รูปภาพ วิดีโอรวมถึง ความสนใจของต่างๆของผู้ใช้บริการ

ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่อาจมีการส่งต่อเปิดเผยระหว่างการติดต่อสื่อสารที่ผู้ใช้บริการอาจมีกับบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงเรื่องการร้องเรียนหรือการให้ความเห็นต่าง ๆ หรือการติดต่อเพื่อรับบริการสนับสนุน ผ่าน Help Desk หรือข้อมูลที่ผู้ใช้บริการอาจนำส่งให้แก่บริษัทเพื่อการเข้าร่วมกิจกรรม หรือ Campaign ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องนำส่งตามเงื่อนไขการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่บริษัท อาจจัดขึ้น 

ในกรณีที่ผู้ใช้บริการนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เกี่ยวข้องใด ๆ ภายใต้การคุ้มครองของผู้ใช้บริการ ให้แก่บริษัท เมื่อได้รับข้อมูลส่วนบุคคลนั้นบริษัทจะถือว่า ผู้ใช้บริการรับประกันสิทธิโดยสมบูรณ์ในกรณีส่งต่อ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวข้องดังกล่าวให้แก่บริษัทโดยสมบูรณ์แล้ว และบริษัท ย่อมมีสิทธิในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลเหล่านั้นได้ภายใต้นโยบายฉบับนี้

 

วัตถุประสงค์และระยะเวลาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท จะเก็บ รวบรวมใช้ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของผู้ใช้บริการ เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

การติดต่อสื่อสารเพื่อให้ข้อมูลที่ผู้ใช้บริการอาจร้องขอ หรือติดต่อเพื่อขอรับจากบริษัท รวมถึงการติดต่อประสานงานในการทำธุรกรรมต่างๆ ของผู้ใช้บริการ เพื่อการตรวจสอบเงื่อนไขการชำระเงิน ค่าบริการ เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้บริการ บริษัท และผู้ใช้บริการ เป็นต้น

การคุ้มครองสิทธิประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เมื่อต้องดำเนินการบังคับสิทธิต่อผู้ใช้บริการที่อาจปฏิบัติไม่สอดคล้องหรือละเมิดหน้าที่ที่กำหนดไว้ภายใต้สัญญาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงใช้ในการปกป้องสิทธิในการฟ้องร้องคดี

เพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทและผู้ใช้บริการรายบุคคล และผู้ใช้บริการในภาพรวมของบริษัท โดยบริษัทจะใช้ข้อมูลการใช้บริการและธุรกรรมอื่นทั้งหมด มาใช้เพื่อการพิจารณาวางแผนการปรับปรุงสินค้า และบริการของบริษัทให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการ รวมถึงการฝึกอบรมพนักงาน และการพิจารณาทบทวนการแก้ไขข้อร้องเรียนต่าง ๆ รวมถึงการจัดทำรายงานการติดตามตรวจสอบภายใน เกี่ยวกับภาพรวมการให้บริการของบริษัทให้แก่ผู้ใช้บริการกลุ่มต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบที่สามารถระบุตัวตนได้ และข้อมูลสถิติที่ไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้บริการได้

กรณีทีผู้ใช้บริการให้ความยินยอมโดยเฉพาะแก่บริษัท บริษัทอาจดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะอื่นที่ระบุไว้นั้น ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การติดต่อเพื่อทำการตลาดและประชาสัมพันธ์โดยตรงให้แก่ผู้ใช้บริการ เป็นต้น

ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

 

บริษัท มีความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ซึ่งได้ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัท จะอ้างอิงหลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ดังนี้ 

บริษัท จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไว้ตลอดระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการ และ  อาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามอายุความ ซึ่งในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทสงวนสิทธิที่จะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี) บริษัทอาจสงวนสิทธิ์ในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไว้ต่อเนื่องเพื่อความจำเป็นในการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยรับประกันไม่ให้กระทบสิทธิของผู้ใช้บริการเกินสมควร และ กรณีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยการให้ความยินยอมของผู้ใช้บริการ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวเป็นระยะเวลาตราบที่ผู้ใช้บริการยังไม่ได้ถอนความยินยอมดังกล่าว

 

การเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ

 

โดยหลักการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการจะไม่ถูกเปิดเผยออกไปให้แก่ บุคคลภายนอก แต่ในกรณีที่จำเป็น บริษัท อาจต้องเปิดเผยและ /หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้แก่บุคคลภายนอก ดังนี้

เปิดเผยให้แก่ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัท รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงบริษัท ในเครือ สถาบันที่ปรึกษา หรือสถาบันตรวจสอบบัญชี เป็นต้น ที่ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทให้ช่วยเหลือสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัท ที่มีต่อผู้ใช้บริการโดยตรง โดยบริษัท จะดำเนินการดังกล่าวบนหลักการเท่าที่จำเป็น ภายใต้สัญญาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างบริษัทและผู้ให้บริการภายนอกดังกล่าวเท่านั้น และ เปิดเผยตามหน้าที่ที่บริษัท มีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้แก่หน่วยงานภาครัฐต่าง หรือเป็นการเปิดเผยกรณีที่บริษัท อยู่ภายใต้บังคับคำพิพากษา หรือตามคำสั่งของหน่วยงานราชการให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว โดยบริษัทจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นตามหน้าที่เท่านั้น

บริษัท อาจเปิดเผยด้วยการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ ที่ใช้บริการ ได้แก่ ตั้งเซิฟเวอร์ด้วยตนเอง, ตั้งเซิฟเวอร์จากผู้ให้บริการ, Google Cloud Platform

ทั้งนี้ ในกรณีที่ต้องมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทดำเนินการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

 

สิทธิของผู้ใช้บริการในฐานะเจ้าของข้อมูล

สิทธิของผู้ใช้บริการเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ผู้ใช้บริการควรทราบ โดยผู้ใช้บริการสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ดังนี้ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายและนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้ หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น

สิทธิขอถอนความยินยอม หากผู้ใช้บริการได้ให้ความยินยอมให้บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล(ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จะมีผลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการอยู่กับบริษัท

สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้บริการที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ ผู้ใช้บริการ

สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ โดยผู้ใช้บริการมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

สิทธิขอคัดค้าน ในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่ทำขึ้น เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น และผู้ใช้บริการสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่าการประมวลผลข้อมูลดังกล่าว กระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของท่านเกินสมควร

สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ หากผู้ใช้บริการเชื่อว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการถูกเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้แล้ว

สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของผู้ใช้บริการ หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ

สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

สิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจ หากผู้ใช้บริการเชื่อว่า การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การใช้สิทธิของผู้ใช้บริการดังกล่าวข้างต้น สามารถทำได้โดยขอใช้สิทธิและยื่นคำร้องผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนด อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธิของผู้ใช้บริการอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของผู้ใช้บริการได้ โดยหากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ทราบด้วย

 

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัท ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

สถาบันนิวเคมบริดจ์ (ประเทศไทย) ในนามโรงเรียนภาษาพงศ์พัฒนา 

4, 4/5 Central Tower, ชั้น 14, CentralWorld ถนนราชดำหริ, ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330. 

โทรศัพท์ติดต่อ:  +66 02 613 1177

E-mail : support@newcambridge.net

รายละเอียดตัวแทนผู้รับผิดชอบ

ชื่อ: นายจักรกฤษณ์  อุตส่าห์

สถานที่ติดต่อ: 4, 4/5 Central Tower, ชั้น 14, CentralWorld ถนนราชดำหริ, ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330.
โทรศัพท์ติดต่อ:  +66 02 613 1177      E-mail : support@newcambridge.net

Privacy Prolicy EN